วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

Love Me Love My Dog: สูตรรัก นักขาย



Love Me Love My Dog: สูตรรัก นักขาย



                            นักขายที่ประสบความสำเร็จ มักมีเสน่ห์ในตัวเอง ผู้อยู่ใกล้ชิดมักรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ความน่ารัก ความน่าเชื่อถือ ตลอดจนความน่าประทับใจ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เป็นการเพาะบ่มอุปนิสัย พฤติกรรม และแนวทางการทำงานด้านการขายที่ได้ทำมาอย่างถูกทิศถูกทาง เป็นเรื่องปกติที่ผู้คนส่วนใหญ่บ่อยครั้งที่ตัดสินใจซื้อสินค้าจากนักขายบางคน และปฏิเสธนักขายบางคน ผมเองเคยประสบปัญหาลูกค้าที่เคยปฏิเสธการขายสินค้าจากนักขายรายอื่นอย่างรุนแรง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ผมต้องมีปัญหากับลูกค้ารายนั้นด้วย ผมก้าวผ่านปมขัดแย้ง และแก้ปัญหาลูกค้าเหล่านั้นได้หลายราย ด้วยแนวคิดง่ายๆว่า ถ้าลูกค้ารักผมมากพอ ปัญหาก็จะเล็กลง และหมดไปในที่สุด



                            Love Me Love My Dog: เป็นสูตรรัก นักขาย ที่สามารถใช้ได้กับทุกคน อย่างน้อยที่สุดหากลูกค้าไม่ซื้อสินค้า ลูกค้าก็ยังรักและยอมรับในสิ่งที่เราเป็น การเป็นนักขาย จะยากก็ตรงที่เราจะเคาะประตูใจของลูกค้าให้เปิดรับรักเราได้อย่างไร ความซื่อสัตย์ จริงใจ ตรงไปตรงมา เป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่แสวงหาจากนักขาย แต่นักขายเขี้ยวลากดินบางคนกลับคิดว่า ความสามารถในการพูดโน้มน้าวจูงใจเป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จนักขาย คำตอบ คือ จริงครับ แต่เป็นปัจจัยที่อาจจะได้เปรียบในการขายให้ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะได้เปรียบในการขายให้สำเร็จ เพราะการขายให้สำเร็จ เป็นเรื่องที่เราจะต้องครองใจลูกค้าให้ได้ ซึ่งผมเอง ยึดถือเอาความซื่อสัตย์ จริงใจ และตรงไปตรงมา เป็นหลักในการนำเสนอ



                            ผมเคยมีลูกค้าที่ซื้อสื่อโฆษณาจากผม ด้วยความประทับใจในคำตอบที่ว่า สื่อโฆษณาของเราคงไม่สามารถรับประกันการเพิ่มขึ้นของยอดขาย แต่เรารับประกันว่า มีผู้คนเข้าถึงสินค้าของคุณได้มากขึ้น ผมได้รับทราบจากปากลูกค้าเองว่า เขาทำสัญญาซื้อสื่อโฆษณาจากผมเพราะคำตอบนี้ และหลังจากนั้นอีกหลายๆ รายก็เป็นเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าประกันมักจะถามว่า คุณจะอยู่กับบริษัทนี้บริการผมจนถึงอายุกรมธรรม์เลยหรือ? คำตอบของผม คือ ผมอาจจะมีอายุอยู่ไม่ถึง อายุกรมธรรม์ แต่ผมรับประกันได้ว่าบริษัทอยู่ถึงแน่นอน และรัฐบาลคุ้มครองผู้บริโภค ให้ได้รับทุกผลประโยชน์ตามกรมธรรม์



                                การขาย คือ ศิลปะ ในการสร้างความประทับใจแก่ทุกคนที่เราได้มีโอกาสได้นำเสนอ หากเรามุ่งแต่จะขายให้ได้ เราจะเสียโอกาสในการสร้างความรักกับเพื่อนดีดีที่จะเพิ่มขึ้นในชีวิต เราจะเสียโอกาสในการเติมเต็มความรักในหมู่เพื่อนสนิทมิตรสหาย ดังนั้น หากเราตั้งเป้าหมายการขายทุกครั้ง โดย เราจะเติมเต็มความรักให้มากพอ เพราะทุกโอกาสของการได้นำเสนอ เป็นโอกาสทองที่จะสร้างความรัก ความไว้วางใจแก่ผู้มุ่งหวังของคุณ อย่างน้อยที่สุด หากขายไม่ได้ คุณก็ได้เพื่อนเพิ่มอีกหนึ่งคน



                                จงจำให้ขึ้นใจ ต้นทุนแห่งความรักในใจของลูกค้า คือสิ่งที่สูงค่ายิ่ง ผู้คนส่วนใหญ่ยอมจ่ายเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองรัก และมีสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะสร้างความแตกต่างของการนำเสนอการขาย นั่นก็คือ ตัวคุณเอง Love Me Love My Dog: เป็นสูตรรักนักขายที่ยังคงใช้ได้ผลเสมอ



ด้วยรัก

กอบชัย ศรบรรจง

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

พลัง แห่ง ธรรมชาติ : นักธุรกิจการขาย ทีม และเครือข่าย (The power of nature: The business network sales and team.)


พลัง แห่ง ธรรมชาติ : นักธุรกิจการขาย ทีม และเครือข่าย

(The power of nature: The business network sales and team.)


 
               ความยิ่งใหญ่ของพลังธรรมชาติ ยากแท้หยั่งถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลังธรรมชาติของมนุษย์ ด้วยความเป็นมนุษย์ที่ทรงพลังที่สุดแห่งธรรมชาติ จึงมีแนวคิดที่จะอยู่กับธรรมชาติทั้งมวลด้วยแนวคิดที่แตกต่างกัน 2 ขั้ว คือ แนวคิดตะวันตก มนุษย์ ต้องพัฒนา เพื่ออยู่เหนือธรรมชาติ และ แนวคิดตะวันออก มนุษย์ ต้องพัฒนา เพื่ออยู่ร่วมกับธรรมชาติ ในรอบ 100 ปี แห่งยุคอุตสาหกรรม และวันนี้ เราได้คำตอบแล้วว่า เมื่อไหร่ก็ตามความสมดุลแห่งธรรมชาติถูกทำลาย ธรรมชาติก็จะสร้างสมดุลใหม่ขึ้นมา แนวคิดมนุษย์ที่จะอยู่เหนือธรรมชาติเริ่มเข้าใจแล้วว่า คิดผิด เพราะ มนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เมื่อธรรมชาติปรับสมดุล มนุษย์ ผู้ทำให้เสียสมดุลย่อมได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่มนุษย์ทำได้ ก็เพียงใช้ศักยภาพของตนเองในทิศทางที่ถูกต้อง เพื่ออยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล และเอื้อประโยชน์ร่วมกันและกัน ในฐานะองค์ประกอบร่วมของธรรมชาติ พลังแห่งธรรมชาติ พลังแห่งสมดุลสภาพ


               ตลอดชีวิตของการทำงานของผมเริ่มต้น และเติบโตในแวดวงธุรกิจการขายกว่า 30 ปี ประสบการณ์ ความรู้ และกระบวนการคิดที่ตกผลึกของผมเอง สอนให้ผมรู้ว่า ธรรมชาติมีการปรับสมดุลอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ เมื่อ ความรู้ เทคโนโลยี และสังคมพร้อม การปรับสมดุลสู่ก้าวใหม่ทางธุรกิจก็จะเริ่มขึ้น ผู้ปรับสมดุลมักจะเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ๆ ในแต่ละช่วงการเปลี่ยนแปลงและปรับสมดุล Gen-X Gen-Y Gen-Z พลังแห่งธรรมชาติเหล่านี้มักอยู่ในคนหนุ่มรุ่นใหม่ๆ ที่สร้างความแตกต่าง แต่ธุรกิจและสิ่งที่มีอยู่ในภาวะปรับสมดุลนี้ จะคงอยู่หรือจากไป ขึ้นอยู่กับเราเข้าถึงธรรมชาติที่เรามีอยู่ และการปรับสมดุลอย่างเหมาะสมภายในองค์กรหรือเครือข่ายเรา


               ความตื่นตาตื่นใจกับกระแสความเปลี่ยนแปลง ความหลงใหลในก้าวกระโดดของบางคนบางเครือข่ายธุรกิจ อาจจะทำให้เราหลงทางสู่กระแสที่เราไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เราเองมิอาจจะไปเลียนแบบ หรือริอ่านสร้างธรรมชาติให้เหมือนผู้นำกระแส แต่สิ่งที่เราน่าจะทำมากกว่า คือ เข้าใจถึงธรรมชาติองค์กร จุดแข็ง ที่มี และจุดอ่อนที่ต้องตระหนัก การปรับสมดุลสู่กระแสผู้นำ เราควรจะมุ่งพัฒนาจุดแข็งที่มีอยู่ให้โดดเด่น และยอมรับจุดอ่อนที่ต้องปรับสมดุลใหม่ ความผิดพลาดที่ผมเคยพลาด คือ มัวแต่มาพัฒนาจุดอ่อน เพื่อให้ทันกับจุดแข็งของผู้นำกระแส ผลก็คือ ยิ่งทำยิ่งห่างไกล เพราะเขาพัฒนาจากจุดแข็งของเขา แต่เรามัวแต่พัฒนาจุดอ่อนของเรา ทุกองค์กรมีจุดแข็ง และจุดอ่อน แต่ที่น่ากลัวที่สุด คือผู้นำทีมที่มัวแต่พัฒนาจุดอ่อน เปรียบเสมือน เอา กะโหลกไป โขกหิน


               เริ่มต้นพัฒนาจุดแข็ง ยอมรับจุดอ่อน และเรียนรู้กระแสนำ สิ่งที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง คือ บุคลากรในองค์กร มุ่งไขความลับสู่ศักยภาพที่แฝงเร้นของบุคคลในทีม... (ต่อภาค2)



ด้วยรัก

กอบชัย ศรบรรจง

พลัง แห่ง ธรรมชาติ 3 : นักธุรกิจการขาย ทีม และเครือข่าย (The power of nature 3 : The business network sales and team.)



พลัง แห่ง ธรรมชาติ 3 : นักธุรกิจการขาย ทีม และเครือข่าย

(The power of nature 3 : The business network sales and team.)



               สำหรับธุรกิจเครือข่าย การขับเคลื่อนของทีม อาจจะต้องอาศัย การสร้างแรงจูงใจ และกระบวนการพัฒนาบุคลากรในองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุผล เป้าหมาย และความสำเร็จ อย่างมีเสถียรภาพ...

                ในธุรกิจเครือข่าย ผมไม่อาจจะกล่าวว่าแบ่งปันความสำเร็จของตนเอง เพราะว่าความสำเร็จของผมอาจไม่มากพอ แต่ สิ่งที่ผมแบ่งปัน คือ รอยแผลที่เคยพลาดในอดีต ที่ผ่านการรักษาหายดีแล้ว ทุกรอยแผล มีเรื่องเล่า ทุกเรื่องเล่ามีสิ่งให้เรียนรู้ ผมเพียงคาดหวังว่า เรื่องเล่าจากรอยแผลที่ผมเคยมี และจะไม่ปรากฏซ้ำรอยเดิมในชีวิตของผู้แสวงหา เพื่อก้าวสู่ความใฝ่ฝันที่ยิ่งใหญ่กว่า...

                แรงขับเคลื่อนทีมงานธุรกิจการขาย เริ่มจากความเข้าใจบุคลากรในทีม จูงใจ ไม่ใช่ จูงจมูก และ ครองใจ ไม่ใช่ ครอบงำ การเข้าถึงศักยภาพของนักธุรกิจการขาย เพื่อเปล่งพลังแห่งธรรมชาติ ให้สูงสุด เราควรเริ่มจาก DRIVE เพื่อขับเคลื่อนพลังธรรมชาติของเครือข่ายธุรกิจ

Dream ความใฝ่ฝัน ผู้คนส่วนใหญ่มีความปรารถนาในสิ่งที่ดีกว่า แต่อาจจะไม่กล้าพอที่จะคิด เพราะยังมองไม่เห็นโอกาส และความเป็นไปได้ หากว่าเราสามารถแสดงให้เห็นว่า ความอยากของคุณ + ความชำนาญของทีมเรา ความเป็นไปได้ก็จะสูงขึ้น โอกาสก็จะสูงขึ้น เมื่อกล้าฝันใหญ่ ใจเต็มร้อย ศักยภาพหลบในก็จะถูกระเบิดออกมา สิ่งสุดท้ายที่จะใช้สร้างความฝัน คือ สิ่งที่กลัวยิ่งกว่า ความสำเร็จของผู้คนจำนวนหนึ่ง ยอมทำในสิ่งที่ตนเองกลัว เพื่อ หลีกเลี่ยงในสิ่งที่ตนเอง กลัวยิ่งกว่า

Reeducationการให้การศึกษาใหม่ เพื่อให้ก้าวทันฝัน เนื้อหาต้องเข้มข้น ตรงใจ ตรงประเด็น เล่นเป็นเล่น ลุยเป็นลุย การทบทวน และกำหนดเนื้อหาสาระให้ตรงกับเป้าหมายที่ต้องการบรรลุผล สอนให้รู้ ฝึกให้เป็น คิดให้ได้ ด้วยตนเอง หลายปีมานี้ สิ่งที่ผมเห็นบ่อยมากที่สุด คือ ผู้นำมักจะ สอนให้เชื่อ ฝึกให้เชื่อ และในที่สุดคิดเองไม่เป็น ไม่ต่างอะไรกับลัทธิองค์กรลับ การให้การศึกษา เป็นการเรียนเพื่อรู้ รู้เพื่อทำ ทำเพื่อเข้าใจ เข้าใจเพื่อคิดได้ คิดได้เพื่อคิดเป็น ทุกคนคือปัจเจกในเครือข่ายธุรกิจ เพื่อถ่ายทอดความสำเร็จ และให้การศึกษาด้วยแนวคิด การเรียนรู้ ไม่ใช่ การบอกให้เชื่อ

Incentiveการกระตุ้นด้วยการสร้างแรงจูงใจ แรงจูงใจจะสัมฤทธิ์ผล เมื่อครบ 3 องค์ประกอบ คือ คุ้มค่า + มีความเป็นไปได้สูง + ตรงใจอยากได้ เริ่มจาก ความตรงใจอยากได้ คนรุ่นใหม่ ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับ กิน กาม เกียรติ      กิน คือ ฐานะความเป็นอยู่ ฐานะทางเศรษฐกิจ            กาม คือ ความอยากได้อยากมีมากขึ้น การสร้างครอบครัวใหม่ ชีวิตคู่                เกียรติ คือ ชื่อเสียง เกียรติยศ และการยอมรับในสังคม      แน่นอนที่สุด การสร้างแรงกระตุ้นด้วยการสร้างแรงจูงใจ ย่อมต้องสะกิดต่อม กิเลส และตัณหาของมนุษยชาติเชิงบวก ซึ่งเราเรียกว่า "ความใฝ่ฝัน" เมื่อความใฝ่ฝัน ถูกกระตุ้นให้เกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้า ความมุ่งมั่น ความทุ่มเท ก็จะสูงตาม แนวโน้มผลสัมฤทธิ์ ก็จะสูงตามด้วย

Valuation การประเมินคุณค่าบุคลากรในทีม ผู้สำเร็จส่วนใหญ่ มักมีจุดเริ่มต้นที่ความต้องการความมีตัวตนในทีม เป็นบุคคลที่มีความสำคัญของทีม มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และความต้องการพื้นที่อิสระที่จะสร้างอาณาจักรของตนเอง ดังนั้น แนวคิดการประเมินคุณค่าคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน มีแนวโน้มในทิศทาง เก่งพอ ไม่ใช่ แก่พอ อย่าเสี่ยงประเมินคุณค่าบุคลากรในทีมรุ่นใหม่ ด้วยแนวคิดเดิมๆ คือ การคิดเอาเอง จงจำไว้ คนรุ่นเก่า กลัวเสียหน้า แต่ คนรุ่นใหม่ กลัวเสียโอกาส

Evolutionการเจริญเติบโต สู่ผู้นำแนวโน้มใหม่ รักอิสระ มุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ กฎเกณฑ์ปรับเปลี่ยนได้เพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า เล่นเพื่องานแต่ไม่ทำงานแบบเล่นๆ เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และที่สำคัญเสพติดความสำเร็จ ความอาวุโสไม่โดนใจเท่าความสำเร็จที่ใช่ อย่าอ้างความสำเร็จที่เคยผ่านมาในอดีต สิ่งที่ต้องการคือ วันนี้คุณสำเร็จได้เหมือนเดิมหรือไม่ และอนาคตความสำเร็จของคุณโดนใจคนรุ่นใหม่นี้หรือไม่ ดังนั้นความเติบโตในอนาคตอย่าคิดไปเอง คนรุ่นใหม่ตัดสินใจไว ต้องการสำเร็จอย่างจริงจัง และอาจจะมีอัตราการเติบโตที่เป็นสถิติใหม่ ถ้าความคิดของผู้นำไม่มาขวางทางโต เพราะกลัวเสียหน้า จนศักยภาพของใครบางคนในทีมต้องเสียโอกาส...

ด้วยรัก
กอบชัย ศรบรรจงhttps://www.facebook.com/9kobchaiBlog

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

พลัง แห่ง ธรรมชาติ 2 : นักธุรกิจการขาย ทีม และเครือข่าย (The power of nature 2 : The business network sales and team.)



พลัง แห่ง ธรรมชาติ 2 : นักธุรกิจการขาย ทีม และเครือข่าย

(The power of nature 2 : The business network sales and team.)



          เริ่มต้นพัฒนาจุดแข็ง ยอมรับจุดอ่อน และเรียนรู้กระแสนำ สิ่งที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง คือ บุคลากรในองค์กร มุ่งไขความลับสู่ศักยภาพที่แฝงเร้นของบุคคลในทีม... (ต่อภาค2)


          บุคลากร ของทุกองค์กร คือ จุดแข็ง ที่ยังไม่เปล่งศักยภาพอย่างสมบูรณ์  เพราะหากบุคลากรในองค์กร คือ จุดอ่อน องค์กรนั้นไม่น่าอยู่รอดมาได้ถึงปัจจุบัน และแน่นอนที่สุด คนที่คิดว่า บุคลากรในทีม คือจุดอ่อน เขาคนนั้น ก็คือ จุดอ่อนที่สุดของทีม คงไม่มีสมรภูมิใดที่แม่ทัพดูแคลนนักรบในกองทัพ แล้วจะรบชนะ สิ่งที่ผมเคยพลาดในอดีต และผมเองก้าวผ่านมาได้ เมื่อเข้าใจถึงศักยภาพที่แท้จริงของบุคลากรในทีมงาน โดยหลักการที่ว่า ครองคน ให้ครองใจ จะ ครองตลาด ให้ครองใจคน


          ทุกกลุ่ม ทุกทีม มีธรรมชาติของคนในทีม และธรรมชาติของทีม ที่แตกต่าง ดังนั้น จงเข้าใจถึงแก่นแท้ธรรมชาติของทีมตนเองก่อนที่จะปลดปล่อยพลังธรรมชาติของศักยภาพบุคลากรในทีมของตนเอง อย่าคิดไปเอง อย่าครอบงำทีม และที่สำคัญการเคลื่อนตัวไปข้างหน้าต้องมี  การทำงานเป็นทีมที่เข้มแข็ง ต้องมีเป้าหมายทีมที่ชัดเจน เป้าหมายเดียว + ทิศทางของทีมที่ชัดเจน ทิศทางเดียว + รวมใจคนเป็นหนึ่งเดียว ความแตกต่างของการทำงานเป็นกลุ่ม กับทำงานเป็นทีม คือ

-    การทำงานเป็นกลุ่ม การลำดับความสำคัญของเป้าหมาย คือ มุ่งตอบสนองเป้าหมายส่วนตนก่อนเป้าหมายทีม ดังนั้น ทิศทางและพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า เปรียบเสมือน รถม้า ที่มีม้า 4 ตัว ต่างตัวต่างวิ่งตามที่ม้าอยากวิ่ง

-     การทำงานเป็นทีม การลำดับความสำคัญของเป้าหมาย คือ มุ่งตอบสนองเป้าหมายทีมก่อนเป้าหมายตน ดังนั้นทิศทางและพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า เปรียบเสมือน รถม้า ที่มีม้า 4 ตัว ที่ฝึกมาอย่างดี ทุกตัววิ่งไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียง



แน่นอนที่สุด การทำงานเป็นทีม เมื่อรถม้าบรรลุเป้าหมายที่กำหนด ผลตอบแทนต่อเป้าหมายส่วนตน คือ 1. ม้าทุกตัววิ่งโดยใช้แรงน้อยกว่าที่ต่างตัวต่างวิ่ง      2. ม้าทุกตัว ได้ประโยชน์ เพื่อบรรลุเป้าหมายของตนระหว่างทางตั้งแต่จุดเริ่มต้น คือเบาแรง ประหยัดเวลา   หากจะเปรียบกับการทำงานเป็นทีม คือเมื่อทีมบรรลุเป้าหมาย คนส่วนใหญ่ในทีมก็จะอาศัย พลังขับเคลื่อนเป็นทีม เพื่อเบาแรงและประหยัดเวลา สำหรับผลตอบแทนของแต่ละคนขึ้นอยู่กับการบรรลุผลงานที่ตนเองต้องรับผิดชอบมากน้อยเพียงไร ในขณะที่ทีมเคลื่อนตัวสู่เป้าหมาย ทุกคนในทีม ก็ต้องรับผิดชอบต่องานของตนให้ดีที่สุด ดังนั้น เมื่อทีมบรรลุเป้าหมาย ผู้ที่ทุ่มเทรับผิดชอบต่องานของตนได้ดี ย่อมบรรลุเป้าหมายของตนด้วย



          สำหรับธุรกิจเครือข่าย การขับเคลื่อนของทีม อาจจะต้องอาศัย การสร้างแรงจูงใจ และกระบวนการพัฒนาบุคลากรในองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุผล เป้าหมาย และความสำเร็จ อย่างมีเสถียรภาพ... (ต่อภาค 3)



ด้วยรัก

กอบชัย ศรบรรจงhttps://www.facebook.com/9kobchaiBlog

วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556

ผู้นำเครือข่ายธุรกิจอิสระ : ครู หรือ เจ้านาย (Leader of Independent business network: the teacher or the boss.)

ผู้นำเครือข่ายธุรกิจอิสระ : ครู หรือ เจ้านาย

Leader of Independent business network: the teacher or the boss.




                วันที่ 16 มกราคม ของทุกปี คือวันครู ผมเองจบศึกษาศาสตร์ แต่อุดมการณ์ไม่สูงพอที่จะยึดอาชีพครู เพราะผมคงรับต่อสภาพรายได้ครูไม่ไหว โชคดีที่ผมได้เข้าสู่เครือข่ายธุรกิจอิสระและก้าวสู่วิทยากรอิสระตามเป้าหมายชีวิตที่วางไว้ ซึ่งผมเองก็ได้มีโอกาสใช้ความเป็นครูระดับหนึ่ง แต่ผมเองมิอาจเทียบเคียงความเป็นครู ของผู้มีอาชีพครูทุกท่าน ผมได้แต่ขอยกย่องผู้มีอาชีพครูทุกท่านด้วยใจบูชาความเป็นครู ยกย่องในจิตวิญญาณ ประณิธาน และความเสียสละอย่างสูงยิ่งของครูทุกท่าน...



                20 กว่าปีที่แล้ว ผมได้ก้าวสู่เครือข่ายธุรกิจอิสระ ด้วยความหยิ่งผยองในความรู้ประสบการณ์ด้านการขายและการตลาด ที่ประสบความสำเร็จมาระดับหนึ่ง แต่หลังจากเรียนรู้และเข้าใจการดำเนินธุรกิจแบบเครือข่าย วิธีคิดผมต้องเปลี่ยนไป โดยเอาความหยิ่งผยองด้านการขายการตลาดเก็บใส่กล่องขึ้นหิ้งพักไว้ก่อน แล้วเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่ เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ และเพื่อเป็นครูของผู้เริ่มต้นในเครือข่ายธุรกิจ



                วิธีคิดของผมในเวลานั้น ผมจำกระบวนการคิดนั้นไม่ได้แล้ว แต่ในวันนี้ ผมได้ทบทวนใหม่ และย้อนคิด ผมจึงเข้าใจได้ว่า ผมโชคดี ที่ยอมเริ่มต้นจากการเรียนรู้สิ่งใหม่ ด้วยความเต็มใจ และเพื่อความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ภายใต้ความรู้ ประสบการณ์ ด้านการขายการตลาด และความเป็นครูในตัวผมเอง ได้ผสมผสานวิธีคิดว่า





นักขาย ที่เก่งที่สุด 1 คน คงไม่สามารถสู้ นักขาย 1,000 คนที่ขายพร้อมกัน
ถ้าผมเป็นนักขายที่เก่งที่สุด 1 คน แต่ไม่สามารถสอนนักขาย 1,000 คนให้เก่งขึ้นได้
ผมคงไม่สามารถสู้... นักขายธรรมดาๆ ที่มีความตั้งใจ และอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
แต่... สามารถสอนนักขาย 1,000 คน ให้เข้าสู่ระดับมาตรฐานเดียวกันได้พร้อมกัน



การเริ่มต้นเรียนรู้ คือหัวใจหลักของการเติบโตอย่างมีเสถียร
การสร้างเครือข่ายธุรกิจ ด้วยแนวคิด ครู
ครู คือ ผู้สอนให้มีความรู้
ครู คือ ผู้ฝึกทักษะให้ทำเป็น
ครู คือ ผู้เพาะบ่มให้เจริญเติบโตด้วยศักยภาพตนเอง
และความภาคภูมิใจสูงสุดของครู เมื่อ ลูกศิษย์ ก้าวหน้าเกิน ครู
เป้าหมาย ครู คือ อภิชาตศิษย์



สำหรับการสร้างเครือข่าย ด้วยแนวคิด เจ้านาย
เจ้านายสอนให้เชื่อ   เจ้านายฝึกให้ทำตาม    เจ้านายตั้งเป้าหมายให้ต้องทำ
และความภาคภูมิใจสูงสุดของเจ้านาย เมื่อลูกทีมทำผลงานได้เกินเป้าหมาย
เป้าหมาย ของเจ้านาย คือ ผลงานของลูกทีม



ขอระลึกบูชาพระคุณ : ครู อาจารย์ ผู้ทรงวิทยาคุณ ผู้สำเร็จ

ผู้แบ่งปันประสบการณ์อันทรงคุณค่าทุกท่าน

ที่ได้แบ่งปัน อบรม สั่งสอน และถ่ายทอดความรู้

ตลอดจนทุกสิ่งดีดี ที่ข้าพเจ้าได้จดจำจากทุกท่าน...

ทำให้วันนี้... ตัวผมอาจจะไม่เก่งพอ ให้คุณเชื่อ แต่ผมเชื่อว่า ผมดีพอให้คุณรับฟัง



ด้วยรัก

กอบชัย ศรบรรจง








https://www.facebook.com/9kobchaiBlog

วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

การขาย คือ ลมหายใจแห่งชีวิต เพื่อ ความรัก ความสุข และความหวัง The Sale is the Breath of Life for Love Happiness and Hope.

การขาย คือ ลมหายใจแห่งชีวิต เพื่อ ความรัก ความสุข และความหวัง

 

ปฐมบท แห่ง การขาย อยู่ที่นิยามในใจของแต่ละคน ผู้คนจำนวนมากกลัวการขายจับจิตจับใจ ไม่ใช่เพราะการขายน่ากลัว แต่มันเป็นเช่นนั้น เพราะภาพประสบการณ์อันเลวร้ายของการขายที่แต่ละคนได้ประสบพบมา ทำให้เกิดภาพฝังใจ และกลัวการขาย แต่สำหรับตัวผมเอง ที่ใช้ชีวิตร่วมกับงานขายมาตลอดชั่วชีวิต กลับรู้สึกว่าการขาย คือ ศิลปะ อันสวยงามตามธรรมชาติ ของ มนุษยชาติ ที่จะแบ่งปันความรู้สึกอันดีงาม ด้วยความรัก ความเอื้ออาทรให้ผู้คนได้สัมผัสความรู้สึกอันดีงามร่วมกันอย่างมีความสุข ที่ผมกล้ากล่าวเช่นนั้น เพราะว่า การขาย คือ กิจกรรมเดียวที่เชื่อมโยง เงินตรา ในมือท่าน กับ สิ่งที่ท่านต้องการ เพื่อสิ่งที่ดีกว่า ความรู้สึกที่ดีกว่า ความสะดวกสบายที่มากกว่า และที่สำคัญ คือ ความสุขที่ท่านต้องการ สิ่งที่ท่านกลัว ไม่ใช่ การขาย แต่เป็น คนบางคนที่ยัดเยียดความเลวร้ายให้ท่าน

การขาย มักตกเป็นจำเลยทางอารมณ์ และความรู้สึกของผู้คนเสมอ ทั้งๆ ที่ตัวตนผู้นำเสนอ คือ ปัจจัยหลักที่กระทบกระเทือนความรู้สึกของคุณ  การขาย เป็นเพียงกระบวนการ เพื่อตอบสนองความต้องการของคุณ ที่จะได้มาซึ่ง สิ่งที่ตอบสนองต่อการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขของคุณเอง กระบวนการ การขายสร้างสรรค์ชีวิต สังคม และความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น หากปราศจาก การขายคุณคงต้องทำทุกสิ่งที่คุณต้องการ ด้วยตัวคุณเอง อยากดื่มกาแฟ ก็ต้อง ปลูกกาแฟเอง คั่วกาแฟเอง เพื่อจะได้ดื่มกาแฟ อยากมีชุดสวยๆ ไว้ใส่ ก็ต้องปั่นด้ายเอง ตัดเย็บเอง เพื่อจะได้ชุดสวยๆ การขายไม่ใช่ พนักงานขายดังนั้น จงรัก การขายอย่าปฏิเสธ การขาย คุณเอง ก็ต้องเป็นส่วนหนึ่งของ การขายทั้งด้าน นำเสนอ และ ตอบสนอง ผมขอเชิญชวนทุกท่าน ก้าวสู่ การขายด้วย ความรัก เพราะมีแต่ ความรัก เท่านั้น ที่มีคุณค่าคู่ควรกับ ความรัก ที่มอบให้แก่กัน

หนึ่งใน "ความสุข" ของมนุษยชาติ คือ "การได้ซื้อ" หรือ ได้Shopping การได้ซื้อ ตอบสนอง ความสุขของคนเรามาโดยตลอด เนื่องเพราะคนเราซื้อ เพราะ อยากซื้อ อยากใช้ และ/หรือมีความจำเป็น แต่โดยสรุปรวมคือ เมื่อได้ซื้อแล้ว เรารู้สึกเป็นสุขเมื่อได้ซื้อ นักขายที่ดี คือผู้ที่ตอบสนองความสุขของลูกค้าได้เสมอเพราะว่าเราสามารถตอบสนองความสุข และต้องการของลูกค้า เมื่อลูกค้าได้ซื้อ ลูกค้าก็เป็นสุข  เมื่อลูกค้าได้ใช้ ลูกค้าก็เป็นสุข เมื่อลูกค้าแก้ปัญหาความจำเป็นได้ ลูกค้าก็เป็นสุข เพราะฉะนั้น การช่วยให้ลูกค้า ได้ซื้อ คือการสร้างสุขร่วมกัน เพราะว่า เราขายได้ และลูกค้าได้ซื้อ ความสุขร่วมกันทั้งสองฝ่ายย่อมเกิดขึ้น อย่าทำลายความสุข ของการ ได้ขาย กับได้ซื้อด้วยความรู้สึก อยากขาย จงสร้างความสุขให้กับผู้คน ด้วยการขายอย่างสร้างความสุข การช่วยให้ได้ซื้อ 

ความหวังของคนเรา ก็เปรียบเสมือนหนึ่งว่า สิ่งที่ดีกว่ารอเราอยู่ หากเรามีความหวัง เราก็มีสิ่งที่ดีกว่ารออยู่ในอนาคต  เพียงแต่วันนี้...เราต้องเลือกวิธีการ และเส้นทางสู่อนาคตที่ตนเองคาดหวังไว้ งานขาย ก็เป็นเส้นทางอาชีพหนึ่ง และเป็นงานที่สามารถนำท่านสู่สิ่งหวังได้ หากเรามองลึกลงไปในความเป็นจริง ของความสำเร็จรอบตัวเรา ผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตเกือบทุกคน ต้องใช้การขายเป็นหนทางสู่ความสำเร็จ บางคนขายสินค้า, บางคนขายบริการด้านต่างๆ, บางคนขายความคิดสร้างสรรค์, บางคนขายความบันเทิง และบางคนก็ขายความสามารถเฉพาะตัวด้านต่างๆ มีแต่งานขายเท่านั้น ที่เราสามารถกำหนดผลตอบแทนให้กับตนเองได้ โดยการพัฒนาศักยภาพของตนเอง สู่เป้าหมาย ผลตอบแทนที่ตนต้องการ ทุกๆ ความหวังของท่านย่อมสมหวัง เมื่อศักยภาพของท่านบรรลุผล เพราะ การขาย คือลมหายใจแห่งชีวิต เพื่อ ความรัก ความสุข และความหวัง...

ด้วยรัก