วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ความกตัญญู กับ การทำธุรกิจเครือข่ายการตลาด Gratitude Against Network Marketing Business.



ความกตัญญู กับ การทำธุรกิจเครือข่ายการตลาด



Gratitude Against Network Marketing Business.


ความกตัญญู ประดุจ สายใยแห่งความผูกพัน

ซึ่งมีความแข็งแกร่งเหนือสายสัมพันธ์

               ความกตัญญู คือ การรู้บุญ รู้คุณ รู้ความดี และการระลึกพร้อมตอบแทน แต่มิใช่ว่าตอบแทนกันแล้วก็หายกันไป แต่ท่านหมายรวมถึงการมีใจรำลึกถึงคุณความดีที่เคยให้ความอุปการะแก่เรา ด้วยความเคารพยิ่ง ท่านว่าสิ่งของหรือผู้ที่ควรกตัญญูนั้นมีดังนี้...






สิ่งที่ควรกตัญญู แบ่งได้เป็น ๕ ประการ


                ๑. กตัญญูต่อบุคคล คือ ใครก็ตามที่เคยมีพระคุณต่อเรา จะต้องกตัญญูรู้คุณท่าน ติดตามระลึกถึงเสมอ พยายามหาโอกาสตอบแทนคุณท่าน โดยเฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ พระมหากษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรม... 


                ๒. กตัญญูต่อสัตว์ คือ สัตว์ที่มีคุณต่อเรา เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย ที่ใช้งาน จะต้องใช้ด้วยความเมตตากรุณาปราณี ไม่เฆี่ยนตีมันจนเหลือเกิน อย่าใช้งานหนักจนเป็นการทรมาน และเลี้ยงดูให้อาหารอย่าให้อดอยาก ให้ได้กินได้นอนได้พักผ่อนตามเวลา


                ๓. กตัญญูต่อสิ่งของ คือ ของสิ่งใดก็ตามที่มีคุณต่อเรา เช่น หนังสือธรรมะ หนังสือเรียน สถานศึกษา วัด ต้นไม้ ฯลฯ จะต้องปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านี้ให้ดี ไม่ลบหลู่ดูแคลน ไม่ทำลาย

     ผู้ ใดพำนักอาศัยนั่งนอนใต้ร่มเงาของต้นไม้ใดแล้ว ยังขืนหักกิ่งลิดก้านรานใบ เด็ดยอดขุดรากถากเปลือก ผู้นั้นชื่อว่าทำร้ายมิตร เป็นคนชั่วช้าเลวทราม จะมีแต่อัปมงคลเป็นเบื้องหน้า


                ๔. กตัญญูต่อบุญ คือ รู้ว่าคนเราเกิดมามีอายุยืนยาว ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณดี สติปัญญาเฉลียวฉลาด มีความสุขความเจริญ มีทรัพย์มาก ก็เนื่องมาจากผลของบุญ ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยบุญ จึงมีความรู้คุณของบุญ มีความอ่อนน้อมในตัว ไม่ดูถูกบุญ ตามระลึกถึงบุญเก่าให้จิตใจชุ่มชื่น และไม่ประมาทในการสร้างบุญใหม่ให้ยิ่งๆขึ้นไป


                ๕. กตัญญูต่อตนเอง คือ รู้ว่าร่างกายนี้เป็นอุปกรณ์สำคัญที่เราจะได้อาศัยใช้ในการทำความดี สร้างบุญ เพื่อความสุข ความเจริญก้าวหน้าแก่ตนเอง จึงทะนุถนอมดูแลร่างกาย ไม่ทำลายด้วยการกินเหล้า เสพยาสิ่งเสพติด เที่ยวกลางคืน และไม่นำร่างกายไปประกอบกรรมชั่ว เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เจ้าชู้ อันเป็นการทำลายตนเอง


               ธุรกิจเครือข่ายอิสระ ไร้สายบังคับบัญชา แต่เชื่อมโยงด้วยสายสัมพันธ์ของการทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข และเครือข่ายที่เข้มแข็งผูกพันด้วยความรู้สึกที่ระลึกถึงสิ่งดีงามของกันและกัน  ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักการที่สำคัญของคำว่า กตัญญู


การทำงานที่ดี สร้างสายสัมพันธ์ที่ดี... ก่อเกิด ความกตัญญู สร้างความผูกพัน ด้วยการระลึกในสิ่งดีงามของกันและกัน...

               ขอเพียงผู้เข้าถึง กตัญญู ผู้นั้นย่อมมี กตเวทิตา ไม่อ้างเอาบุญคุณแก่ตน ด้วยคำว่า ฉันกตัญญูกว่า... เพราะ ความกตัญญู เป็นการตระหนักรู้แก่ตนให้ถึงพร้อมน้อมตอบแทนคุณ หากเป็นดังนี้แล้วทุกคนก็จะมอบความดีงามตามแต่กำลังของตนแก่สังคม และก็เป็นการน้อมตอบแทนคุณด้วยใจระลึกถึง...  มิใช่มัวแต่อ้างเอาบุญเอาคุณจากผู้อื่น เพียงเพื่อทำให้เห็นว่าตน คือผู้กตัญญูกว่า

               เครือข่ายวัฒนธรรมตะวันออก เป็น เครือข่ายที่ผูกพันด้วยความกตัญญูอย่างลึกซึ้ง ซึ่งแตกต่างจากบางวัฒนธรรม ที่ผูกพันด้วยผลประโยชน์เป็นหลัก...  ดังเห็นจากการเติบโตของเครือข่ายวัฒนธรรมตะวันออกที่แตกขยายไปในทั่วโลกนับร้อยปี ล้วนสะท้อนสังคมเครือข่ายวัฒนธรรมร่วมกันอย่างเหนียวแน่น ผูกพันกันเป็น ไทยทาวน์ ไชน่าทาวน์ เป็นต้น  ความผูกพันนี้ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของความกตัญญูต่อมาตุภูมิ


               เครือข่ายธุรกิจไทย ก้าวไกลทั่วโลก ด้วยแรงกตัญญู เริ่มต้นจากสายสัมพันธ์แห่งความดีงามที่มอบแก่กัน ผูกพันทุกสายใยแห่งความดีด้วยความกตัญญู ระลึกถึงสิ่งดีงามซึ่งกันและกัน เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายแห่งความสำเร็จที่พร้อมสนับสนุนเกื้อกูลกันและกัน เพื่อ ส่งมอบสิ่งสวยงามนี้ สู่ ทุกผู้คนที่ก้าวเข้าสู่เครือข่ายธุรกิจ... ไทยแลนด์โมเดล



ด้วยรัก

กอบชัย ศรบรรจง

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

“ผู้นำ กับ ความเชื่อ” “Leader Against Belief”



ผู้นำ กับ ความเชื่อ ในการสร้างธุรกิจเครือข่าย



“Leader Against Belief” In the creation of business networks.




             ผมจำได้ว่า เมื่อผมก้าวเข้าสู่การเป็นนักธุรกิจเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ภายใต้ 2 แนวคิดของผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจ ที่เชื่อว่า

1.      หากเราผลิตสินค้าที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า ลูกค้าย่อมไม่ปฏิเสธการซื้อใช้อย่างต่อเนื่อง (เราผลิตสินค้าที่ดีที่สุด ที่ลูกค้าต้องการซื้อ และจำเป็นต้องซื้อใช้อย่างต่อเนื่อง)     We Deliver The Best.
2.      เราเชื่อว่าผู้คนส่วนใหญ่ต่อสู้ดิ้นรนทำงานหนัก ก็เพื่อการได้ชื่นชมความสำเร็จของธุรกิจที่ตนเองเป็นผู้สร้างขึ้นมา: Business Of Your Own

             สำหรับผม นั่นคือความเชื่อแรก ที่สมเหตุสมผล จากผู้นำที่ก่อร่างสร้างธุรกิจเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกของโลกบอกเรา มันเป็นความเชื่อที่ไม่ได้ให้เราเชื่อตาม แต่เป็นความเชื่อที่เราบอกให้เรารู้ว่า เขาเชื่ออย่างนั้น และนั่นคือหลักความเชื่อทางธุรกิจที่เราต้องลงมือแสวงหาคำตอบเอง เพราะเจตนารมณ์ ของผู้นำเครือข่ายธุรกิจ คือ การเป็นผู้นำของผู้นำเครือข่าย ไม่ใช่ผู้จัดการฝ่ายขาย หรือเป็นเพียงหัวหน้าของลูกจ้างในบริษัท


             2 ความเชื่อแรก เป็นความเชื่อของการสร้างธุรกิจของผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 2 ท่าน มอบความเชื่อนี้ให้เราพิสูจน์ว่า "หากมีแนวคิดความเชื่อนี้คอยสนับสนุนท่านทั้งหลายดำเนินธุรกิจของท่านเอง ท่านสนใจหรือไม่???" สำหรับอีกความเชื่อหนึ่งที่ผมได้ซึมซับมาก็คือ ท่าน 2 ผู้ก่อตั้งธุรกิจท่านเชื่อว่า   “You Can Do It, Too!” ทุกคนสามารถสำเร็จในธุรกิจนี้ได้ ด้วยปัจจัย 2 ประการคือ
1.       มีความต้องการที่จะสำเร็จในธุรกิจนี้
2.       มีความพยามที่จะทำธุรกิจนี้ให้สำเร็จ



             ท่านสองผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีความเชื่อของท่าน และท่านก็มอบความเชื่อนั้นให้ผู้ที่มีความเชื่อเฉกเช่นเดียวกับท่าน ได้ลองศึกษาและลองทำดูด้วยตนเอง ท่านทั้งสองไม่เคยบอกให้ใครต่อใครเชื่อท่านแล้วทำตาม เพราะหากเราคือผู้นำที่ต้องการสร้างผู้นำที่สามารถสร้างผู้นำที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นข้อควรระวังคือ ผู้นำอย่า ใช้ความเชื่อ ของตน ครอบงำผู้อื่นให้ต้องทำตาม แต่ จงแบ่งปันความเชื่อ ของตนให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับความสำเร็จ เฉกเช่นเดียวกับการแบ่งปันความเชื่อของท่านสองผู้ก่อตั้งธุรกิจเครือข่ายฯ เพราะท่านทั้งสองเชื่อว่า มนุษย์ทุกคน เป็น ปัจเจกบุคคล ท่านทั้งสองเชื่อในศักยภาพที่แตกต่างหลากหลาย และไร้ขีดจำกัดของมนุษย์ทุกคน หลายคำปราศรัยของท่านทั้งสองหลายครั้ง ท่านแบ่งปันความเชื่อในเรื่องราวการได้ค้นพบตนเอง เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย


             เชื่ออัพไลน์ ทำตามอัพไลน์ กับ เชื่อสองผู้ร่วมก่อตั้งฯ เพื่อค้นพบตนเอง สองสิ่งนี้อาจจะเหมือนกันหรือไม่ ผมเองคงมิอาจจะคาดเดาความคิด ความเชื่อของแต่ละท่าน หรือให้คำตอบใดๆได้ แต่เมื่อวันที่ผมเริ่มต้นในธุรกิจเครือข่ายฯ สิ่งที่ผมเรียนรู้ ก็คือ จงเชื่ออัพไลน์ เรียนรู้วิถีแห่งความสำเร็จ และมีวินัยดั่งผู้สำเร็จ เพื่อค้นพบตนเอง...

เมื่อผมยอมรับความเชื่อใดแล้ว ผมก็จะเรียนรู้ให้หลากหลาย
เพื่อเปล่งประกายของตนเองให้เจิดจ้า
                               
             เชื่อใจอัพไลน์ เรียนรู้ทุกรูปแบบวิถีความสำเร็จ เพื่อต่อยอดความรู้ ภูมิปัญญา และสร้างวินัยแห่งความสำเร็จในแบบฉบับของตนเอง ความสำเร็จของอัพไลน์อาจจะไม่ใช่ตัวตนของดาวน์ไลน์ แต่ในฐานะอัพไลน์ก็ขอเพียงเป็น 1 แสงเทียนที่ส่องสว่างให้ดาวน์ไลน์ และเพื่อนๆ ได้มองเห็นเส้นทางค้นการพบตนเอง เพื่อก้าวเดินสู่ความสำเร็จอันพึงปรารถนาสูงสุดของตนเอง... เพื่อเป็นอีกหนึ่งวิถีแห่งความสำเร็จ สำหรับแบ่งปัน

ด้วยรัก
กอบชัย ศรบรรจง
                               






วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556

อิสรภาพ กับ รูปแบบชีวิต ที่เราเลือก Freedom and Lifestyle we choose.



อิสรภาพ กับ รูปแบบชีวิต ที่เราเลือก



Freedom and Lifestyle we choose.


          ไอดินเจือกลิ่นหญ้า สายลมหอบสายฝน ม่านหมอกโอบกอดรอบตัวเรา สมาร์ทโฟนในมือ โน้ตแพด บนโต๊ะเบื้องหน้า ชีวิตที่เปลี่ยมอิสรภาพ ที่เราได้ตัดสินใจเลือกเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว วันนี้ชีวิตเราอาจจะไม่ร่ำรวยจนคนอิจฉา แต่ว่าคนบางคนก็อยากมีรูปแบบการใช้ชีวิตเฉกเช่นเรา ในรูปแบบที่เขาพึงปรารถนา



          อิสรภาพ มิใช่ความว่างเปล่าไร้ค่า แต่ว่ามันคือการเพิ่มอำนาจในการเลือกใช้รูปแบบชีวิตที่เราพึงปรารถนาภายใต้ความกังวลที่ลดต่ำลง เรายังคงคุณค่าของชีวิต และคุณค่าของเวลาที่ผ่านเลยไป เพียงแต่ว่า เราสามารถเพิ่มศักยภาพในการเลือกใช้อำนาจ เพื่อใช้ชีวิตในรูปแบบที่เราชอบ และเราสามารถทำได้โดยความกังวลที่ลดต่ำลงจนเกือบไร้กังวล แต่เราก็สามารถคงคุณค่าเวลาในการใช้ชีวิต เพื่อผู้แสวงหาในสิ่งเดียวกันกับเรา



          ความกังวลในภารกิจที่เหลืออยู่บ้างในชีวิต ก็เพื่อเติมเต็มคุณค่าชีวิตของเราเอง เรามิได้กังวลว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร แต่เรายังกังวลว่ามีประสบการณ์ใดในชีวิต ที่อาจจะเป็นประโยชน์แก่ผู้คนที่แสวงหารูปแบบชีวิตเฉกเช่นเดียวกับเรา  ซึ่งเราไม่รู้ว่าเป็นใครบ้างที่จะได้ประโยชน์จากสิ่งที่เราแบ่งปัน



          ในอดีต... เรารู้เพียงแต่รูปแบบชีวิตที่เราอยากเป็นในอนาคต และเมื่อวันนั้น วันปัจจุบันเมื่อกว่า 20ปีที่แล้ว เราจึงเลือก เรามิได้เลือกงานที่ทำ แต่เราเลือกรูปแบบชีวิตที่เราอยากได้ และลงมือทำมันให้เป็นไปตามความปรารถนาที่เราอยากเป็น หากท่านจะแสวงหารูปแบบชีวิตที่พึงปรารถนาของตนเอง จงเริ่มต้นด้วยการรู้จักตนเอง ว่าอนาคตท่านต้องการรูปแบบชีวิตแบบใด แล้วจึงเลือกเครื่องมือนำพาท่านสู่จุดหมายปลายทาง  เวลาและโอกาส ไม่เคยถอยหลังมารับใครๆ ที่ยังไม่รู้ว่าตนเองต้องการชีวิตแบบใดในอนาคต



          เราอาจจะคิดต่างจากคนอื่นๆ ตรงที่เราเลือกงานที่นำพาเราไปสู่รูปแบบชีวิตที่เราต้องการ แทนการเลือกงานที่เราคิดว่าน่าจะดีสำหรับการสร้างอนาคต เหมือนที่ผู้คนส่วนใหญ่คิดและแสวงหากัน เพราะเราต้องการให้เป้าหมายชีวิตอยู่เหนือเป้าหมายความสำเร็จของงานที่ทำ ดังนั้น ความสำเร็จในงานใดๆ ก็ตาม ที่ไม่สามารถตอบโจทย์รูปแบบชีวิตที่เราต้องการ งานนั้นคงไม่ใช่เป้าหมายหลักในการทุ่มเททำให้ประสบผลสำเร็จ เพื่อได้ชื่นชมรูปแบบชีวิตที่เราต้องการ แน่นอนที่สุดแต่ละคนก็มีโจทย์ของตนเอง แต่ถ้าตั้งโจทย์ผิด เราก็จะเห็นผู้สำเร็จในหน้าที่การงาน ที่สูญเสียรูปแบบการใช้ชีวิตที่ตนเองปรารถนา เมื่อสายน้ำและการเวลาผ่านพ้นไป ไม่เคยมีใครสามารถขอให้มันหวนคืนมา...



          อิสรภาพในการเลือกใช้ชีวิต ในรูปแบบที่ตนเองปรารถนา ภายใต้แรงกดดันของความกังวลใจที่ลดน้อยลง ทั้งทางด้านภารกิจผูกพัน ภาวะเศรษฐกิจ และเวลา สิ่งที่กล่าวมานั้น คือ โจทย์ที่เราต้องการแสวงหางาน ที่ตอบโจทย์รูปแบบชีวิตที่เราปรารถนาเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว และวันนี้เราได้ตอบโจทย์ของเราบ้างแล้ว...




          สำหรับผู้เริ่มก้าวสู่เส้นทางแห่งการตอบโจทย์รูปแบบชีวิตอันพึงปรารถนาของตนเอง จงตระหนักว่าช่วงเวลาที่ผู้อื่นชะลอตัวหรือหยุดเดิน เราต้องมุ่งหน้าเดินให้เร็วที่สุด ในขณะที่ผู้อื่นเดิน เราต้องวิ่งเพื่อตอบโจทย์ของตนเอง ตัวของคุณบนเส้นทางสู่ชัยชนะ ตัวคุณคือคู่แข่งที่สำคัญที่สุด และมีอิทธิพลสูงสุดต่อความสำเร็จของคุณเอง เพราะช่วงเวลาของการลงทุนเพื่ออนาคต คุณต้องลงทุน มิใช่นำทุนจากอนาคตมาใช้ล่วงหน้าในวันนี้... ดังนั้นทุกเทศกาลท่องเที่ยว วันหยุดยาว คือเทศกาลที่คนเตรียมเงินไว้ใช้ เพียงแต่ว่าคุณต้องตัดสินใจเลือกให้ดีว่าคุณจะเป็น ผู้รับบริการ ด้วยการนำอนาคตมาใช้ล่วงหน้า หรือ ผู้ให้บริการ ด้วยการลงทุนวันนี้เพื่ออนาคต เพราะ แนวโน้มของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คือ สิ่งที่คุณตัดสินใจเลือกในวันนี้



ด้วยรัก

กอบชัย ศรบรรจง




วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556

หาก ความล้มเหลวครั้งก่อน เป็น ครู และทุกรอยแผล คือ ความรู้ If the last fails As a teacher and a lesion is the knowledge.



หาก ความล้มเหลวครั้งก่อน เป็น ครู และทุกรอยแผล คือ ความรู้


If the last fails As a teacher and a lesion is the knowledge.

สติปัญญา และความเพียรของตน สร้าง ผลการเรียน

Their wisdom and perseverance to build academic performance.

ระดับผลการเรียน ก็คือ ระดับผลความสำเร็จ


Level of academic performance is at successful outcomes.

               โลกแห่งความเป็นจริง ทุกความสำเร็จ ย่อมก้าวผ่านความล้มเหลวมาแล้วทั้งสิ้น ผู้คนส่วนใหญ่ชื่นชมความสำเร็จ รังเกียจความล้มเหลว ทั้งๆ ที่ความล้มเหลว คือ สิ่งที่บอกเล่า ชี้นำให้ผู้คนพัฒนาตนเอง และพัฒนาในสิ่งที่ตนทำให้ดีขึ้นและดีขึ้น ดีขึ้นจนดีพอที่จะบรรลุความสำเร็จ อันที่จริง ความสำเร็จ ก็คือ รางวัลของความเพียร แต่สิ่งที่สร้างความรู้ เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จกลับเป็น ความล้มเหลว เพราะ ทุกความล้มเหลวสร้างเงื่อนไขหรือรอยแผลให้ขบคิดที่จะต้องรักษาให้รอยแผลหายสนิท เพื่อสู้ต่อไป

                ทุกความล้มเหลวที่ผ่านมา เสมือนหนึ่ง ครู ที่คอยจ้ำจี้จ้ำไช ให้เราทำให้ดีขึ้นและดีขึ้น จนดีพอที่จะเชิดหน้าชูตาในฐานะ ผู้สำเร็จ ดังนั้น เราจึงต้องยกย่องความล้มเหลว และ ชื่นชมความสำเร็จ เพราะหากไม่มีความล้มเหลวคอยเพาะบ่มสร้างสมความสมบูรณ์พร้อมสำหรับความสำเร็จที่เราจะได้รับ คำถามก็คือ เราจะดีพอสำหรับ ความสำเร็จที่ได้รับ หรือไม่ ???

                ทุกรอยแผลที่ได้จากความล้มเหลว เสมือนหนึ่ง บทเรียน ที่เราต้องพัฒนาตนเอง เพื่อไม่ให้เกิดความล้มเหลวซ้ำรอยเดิม ตราบที่เรายังลุกขึ้นสู้ และก้าวไปข้างหน้า ทุกรอยแผล ก็คือบทเรียนที่บ่งบอกว่า เราเคยพลาดพลั้งในการตัดสินใจ หรืออาจจะเพราะเราไม่ดีพอที่จะรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต อดีตจึงฝากรอยแผลไว้ย้ำเตือนว่า อนาคตอย่าพลาดเหมือนในอดีต จอมทัพผู้กรำศึกในสนามรบ ล้วนมีบาดแผลอยู่รอบกาย สิ่งที่ทำให้จอมทัพผู้แกร่งกล้ายังยืนหยัด และกำชัยชนะอย่างสมบูรณ์ คือ เขาไม่ยอมให้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นแผลลึกเกินกว่าที่จะเยียวยา เพื่อรักษาชีวิตและโอกาสที่มีอยู่ และทุกรอยแผลที่เคยเกิดขึ้นจะต้องไม่มีดาบสองซ้ำรอยเดิม


               จอมทัพนักรบผู้กรำศึกใช้ชีวิตและเลือดเนื้อ เพื่อแลกบทเรียน แต่เราเพียงใช้สติ เพื่อแลกบทเรียน ทุกความล้มเหลวเราไม่เสียเลือดเนื้อใดๆ แต่สิ่งที่เราจะบาดเจ็บสูญเสีย คือ สติที่เรามีอยู่กับตัว หากสติเราอ่อนแอ เราก็จะท้อแท้ หากสติเราเข้มแข็ง เราจะได้เรียนรู้


              สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดเกิดปัญหา ทุกบทเรียนสร้างเสริมปัญญา เพียงแต่ว่า สติ ต้องมาก่อน หากสติเตลิดหนีบทเรียนที่มีอยู่ คือ ปัญหา อีกมิติหนึ่งของความล้มเหลว คือ ความล้มเหลว คือครู ผู้ให้บทเรียน แก่เรา ตัวเราเองต่างหากที่ยังไม่ดีพอสำหรับความสำเร็จที่เราปรารถนา ทุกบทเรียน ทุกคำสอนที่สะท้อนผ่านผู้สำเร็จ เราได้เรียนรู้ ฝึกฝน และพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นหรือไม่ เราเพียงใช้สติปัญญาที่มีอยู่ทำบทเรียนด้วยความเพียร ผลการเรียน คือผลงานที่นำเราสู่ความสำเร็จ 

               ทุกผลการเรียน มีผลนำเราเข้าใกล้ความสำเร็จที่เราต้องการ เราเพียรเล่าเรียนศึกษา ระดับประถม 6 ปี มัธยม 6 ปี ปริญญาตรี 4 ปี ทุกภาคเรียนมีผลการเรียน ทุกผลการเรียนสะท้อน ความเพียร และความสำเร็จที่ได้รับ เราใกล้ความสำเร็จขึ้นทุกทีที่เรายังก้าวไปข้างหน้า ทุกย่างก้าว มีความสำเร็จให้ชื่นชม แต่เราก็ไม่ควรมองข้าม คุณค่าที่ต้องเรียนรู้จากความล้มเหลวที่เราก้าวผ่านมาด้วย


ด้วยรัก
กอบชัย ศรบรรจง

วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ใครๆ ก็เป็นมืออาชีพได้ ถ้าอยากเป็น Everyone was professional, If you want to be.



ใครๆ ก็เป็นมืออาชีพได้ ถ้าอยากเป็น



Everyone was professional, If you want to be.

               ใครๆ ก็ต้องมีจุดเริ่มต้นในการก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพในหน้าที่การงาน และสิ่งที่ตนทำอยู่.   สมัยผมเด็กๆ เคยเห็นคำขวัญติดอยู่ตามกันสาดผ้าใบว่า งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข ว่าไปแล้ว ก็ยังคงเป็นจริงตราบเท่าทุกวันนี้ เพียงแต่ว่าผมเองเริ่มต้นและก้าวไปบนเส้นทางการขาย มาตลอดชั่วชีวิต ถือได้ว่าเป็นมืออาชีพ ทางด้านงานขาย และมีรายได้จากงานขายมาโดยตลอด กว่า 35 ปี

               การเป็นมืออาชีพ ในทัศนะผม คือ การเคารพในงานที่สร้างรายได้แก่เรา ซึ่งอาจจะเป็นงานประจำเต็มเวลา งานล่วงเวลา หรืองานโอที ตลอดจนงานชั่วคราวหรืองานรายชิ้นก็ตาม. ทุกๆ งานที่สุจริต และเป็นทางเลือกในการสร้างอนาคตที่ดี ที่เรายอมรับเข้าสู่ชีวิตเรา  เราย่อมคาดหวังว่างานที่เราทำ เป็นอาชีพที่มั่นคงได้ และสามารถเป็นเครื่องมือในการสร้างอนาคตของตนเองและครอบครัวได้ อันที่จริงทุกๆ อาชีพ ล้วนสามารถสร้างความมั่นคงแก่เราได้ เพียงแต่ว่าเราเป็นผู้เลือกงานที่เราคิดว่าจะยึดเป็นอาชีพ เพื่อรองรับการดำเนินชีวิตของตนเองอย่างมีความสุข

งานพิเศษ งานรายได้เสริม โอกาสทางธุรกิจต่างๆ อาจจะก้าวเข้ามาในชีวิตของเรา ในบางช่วงขณะ และในบางคนก็รับมันเข้ามาในชีวิต และในบางคนเพียงแค่รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่ารำคาญที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และในบางคนก็คาดหวังผลตอบแทนสูงมากๆ ภายใต้การพัฒนาการตนเองต่ำ และมีเพียงบางคนเท่านั้นที่ยอมรับและเคารพในงานที่สร้างรายได้ใหม่ให้ จึงมีเพียงบางคนเท่านั้นที่สามารถก้าวสู่งานรายได้พิเศษนอกเหนือจากงานประจำ ด้วยความเป็นมืออาชีพ มืออาชีพ คือ ผู้ยอมรับและเคารพในงานที่ทำ ใครๆ ก็เป็นมืออาชีพได้ และมืออาชีพย่อมรู้ดี และเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ตนเองต้องพัฒนาตนเองให้คู่ควรกับผลตอบแทนที่เติบโตขึ้นเสมอ 

                ใครๆ ก็เป็นมืออาชีพได้ แต่การก้าวสู่ความสำเร็จในอาชีพ ผมเองขอหยิบยกเอา หลักธรรม เรื่อง อิทธิบาท4 มาเป็นเครื่องนำทางสู่ความสำเร็จ และ ผมได้นำเรื่อง อิทธิบาท 4 ที่มาจาก: http://www.learntripitaka.com/scruple/Itibaht4.html  มาลงไว้เพื่อนำทางทุกท่านสู่ความสำเร็จดังที่ท่านปรารถนา สรรพสิ่งในโลก ล้วนสมเหตุสมผล

ด้วยรัก
กอบชัย ศรบรรจง



 
               คำว่า อิทธิบาท แปลว่า บาทฐานแห่งความสำเร็จ หมายถึง สิ่งซึ่งมีคุณธรรม เครื่องให้ลุถึงความสำเร็จตามที่ตนประสงค์ ผู้หวังความสำเร็จในสิ่งใด ต้องทำตนให้สมบูรณ์ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า อิทธิบาท ซึ่งจำแนกไว้เป็น ๔ คือ

๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น
๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น

ธรรม ๔ อย่างนี้ ย่อมเนื่องกัน แต่ละอย่างๆ มีหน้าที่เฉพาะของตน
 
ฉันทะ   คือ ความพอใจ ในฐานะเป็นสิ่งที่ ตนถือว่า ดีที่สุด ที่มนุษย์เรา ควรจะได้ ข้อนี้ เป็นกำลังใจ อันแรก ที่ทำให้เกิด คุณธรรม ข้อต่อไป ทุกข้อ

วิริยะ     คือ ความพากเพียร หมายถึง การการะทำที่ติดต่อ ไม่ขาดตอน เป็นระยะยาว จนประสบ ความสำเร็จ คำนี้ มีความหมายของ ความกล้าหาญ เจืออยู่ด้วย ส่วนหนึ่ง

จิตตะ    หมายถึง ความไม่ทอดทิ้ง สิ่งนั้น ไปจากความรู้สึกของตัว ทำสิ่งซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ นั้นให้เด่นชัด อยู่ในใจเสมอ คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า สมาธิ อยู่ด้วยอย่างเต็มที่

วิมังสา   หมายถึง ความสอดส่องใน เหตุและผล แห่งความสำเร็จ เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไปตลอดเวลา คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า ปัญญา ไว้อย่างเต็มที่

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ฟ้า ลิขิต – ดิน บันดาล – มนุษย์ เลือก : Destiny sky writing & Earth destine but Humans have the power to choose.



ฟ้า ลิขิต ดิน บันดาล มนุษย์ เลือก
Destiny sky writing & Earth destine
but Humans have the power to choose.

                                สวัสดีปีใหม่ & ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ชอบแวะเวียนทำบุญไหว้พระไหว้เจ้า ในหลายๆ โอกาส อาจจะกล่าวได้ว่าครอบคลุมเกือบทุกเทศกาลไม่ว่า ปีใหม่ ตรุษจีน ตรุษไทยสงกรานต์  ตลอดจนเทศกาลงานบุญต่างๆ เท่าที่มีโอกาส ความคาดหวังเบื้องต้นของผู้คนส่วนหนึ่งที่ทำบุญ คือ การลงทุนต่ำคาดหวังผลสูง ผมเองก็เคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ถึงแม้ผมไม่เคยบวชเรียน และไม่ค่อยได้เข้าวัดปฏิบัติธรรม แต่ก็ได้มีโอกาสฟังเทศน์ฟังธรรมกับเขาบ้าง จากสื่อต่างๆ ก็มีความคิดแบบฉบับของตนเองใหม่



                                ฟ้าลิขิต ให้ชีวิตเราเกิดมามีชีวิต เรามิอาจจะเลือกได้ ดินบันดาล สิ่งแวดล้อมดำเนินไปรอบตัวเรา เราก็มิอาจจะกำหนดได้ แต่อำนาจสูงสุดของ มนุษย์ คือ อำนาจแห่งการเลือกตัดสินใจ ทุกลมหายใจเข้าออกเราสามารถเลือกได้ว่าเราจะทำสิ่งใด หรือไม่ทำสิ่งใด ดังนั้นแล้ว สิ่งที่เป็นอยู่วันนี้ ไม่ใช่เกิดจาก ฟ้าลิขิต หรือดินบันดาล แต่เป็นการตัดสินใจเลือกของมนุษย์เอง จงยอมรับต่อทุกๆ การตัดสินใจเลือกของตนเอง แล้วท่านจะรู้ว่าการตัดสินใจเลือกของท่านต่อจากนี้ไปมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตของท่านได้ ไม่ใช่ฟ้า ไม่ใช่ดิน แต่คือ อำนาจแห่งการเลือกของท่านเอง

                                ผมทำบุญทุกครั้ง รู้สึกได้ว่าได้รับบุญทันทีทุกครั้ง... สิ่งที่ผมคิด คือ ผมทำบุญทุกครั้งตามอัตตะภาพ มิได้ทำบุญอวดผู้คน เวลาไปไหว้พระตามวัดต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีตู้หยอดเหรียญทำบุญจำนวนมาก ผมก็เตรียมเศษเหรียญที่ได้สะสมในทุกๆ วัน คือ ในทุกวันที่กลับบ้านถ้ามีเศษเหรียญผมก็จะสะสมไว้ทำบุญตามโอกาสที่เอื้ออำนวย อาจจะมีเหรียญบาทบ้าง เหรียญสลึงบ้าง เวลาไปไหว้พระทำบุญตามตู้ต่างๆ ก็จะหยอดตามอัธยาศัย สำหรับภรรยาผม ชอบนำเหรียญหยอดตู้รับบริจาคตามห้าง สิ่งที่เกิดขึ้นจากการทำบุญ คือ อุปนิสัย ที่ลดความตระหนี่ถี่เหนียว ละความโลภ บังเกิดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และความเมตตา กรุณาในตัวเอง ดังนั้น สิ่งที่ผมคิดคือ ทำบุญทุกครั้ง เป็นบุญในตัวเองทุกครั้ง ทำบุญทุกครั้งสร้างเสริมอุปนิสัยอันน่ารักของตนเองให้เปี่ยมพลัง และเป็นที่สัมผัสได้ของผู้คนรอบกาย เชื่อผมเถอะ ทำบุญทุกครั้ง เป็นบุญในตัวเองทุกครั้ง

                                ทำบุญแล้ว ก็ต้องอธิษฐาน และขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์  ทำบุญด้วยเงิน 100 ขอร่ำรวยเป็นล้าน อาจจะเป็นการค้ากำไรเกินควร ถือว่าโลภแล้วละครับท่าน ถ้าเข้าถึงบุญแล้ว จะไม่โลภ แล้วเราจะอธิษฐานอย่างไร ขอพรอย่างไร นานาจิตตัง แต่สำหรับผมเอง ถือว่า คำอธิษฐาน เป็นการประกาศเป้าหมายต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ & คำขอพร เป็นการขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นสักขีพยาน และเป็นกำลังใจ ดังนั้น ถ้าเราทำบุญ 100 แล้วอธิษฐานว่า จะทำงานหนัก เพื่อบรรลุเป้าหมายในการงานอันสุจริตที่ทำอยู่ ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้รับรู้และสนับสนุนกำลังใจให้บรรลุผล น่าจะดีกว่า ถ้าคิดอย่างผม ทุกครั้งที่ทำบุญ แล้วอธิษฐานขอพร ก็จะต้องรีบทำงานให้หนักให้บรรลุผล เพราะเราประกาศเป้าหมายกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กำลังใจเรา เป็นดังนี้แล้ว ผมมั่นใจ ทุกแรงอธิษฐานและคำขอพรของท่าน จะบรรลุผลสูงสุดเท่าที่ท่านยึดมั่นในคำอธิฐานของท่านเอง และผมก็ยังมั่นใจว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้กำลังใจท่านตลอดเวลาที่ท่านเชื่อมั่นศรัทธาในคำอธิษฐานของท่าน...


สทธา สาธุ ปติฏฐิตา : ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
สุขา สทฺธา ปติฎฺฐิตา : ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว ย่อมนำสุขมาให้




ด้วยรัก

กอบชัย ศรบรรจง

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

นักขาย นักธุรกิจ นักธุรกิจการขาย นักการตลาดเครือข่าย : โดย กอบชัย



นักขาย นักธุรกิจ นักธุรกิจการขาย นักการตลาดเครือข่าย : โดย กอบชัย



Salesman, Businessman, Business sales, Network marketers : By Kobchai

 นักขาย คือ ผู้แสวงหารายได้จากปัจจุบัน เพื่อปัจจุบันให้มากที่สุด

มีผู้คนจำนวนมากก้าวสู่วงการขาย โดยภาวะจำยอม เพื่อรายได้เฉพาะหน้า เพื่อรายได้พิเศษ เพื่อเหตุผลต่างๆ ของแต่ละคน มีเพียงไม่มากนักที่ก้าวสู่วงการขาย ด้วยความเต็มใจ และก้าวไปข้างหน้าจนประสบความสำเร็จ เป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จ บนเส้นทางการขาย รายได้ ผลประโยชน์เฉพาะหน้าเป็นสิ่งสร้างแรงจูงใจ เพื่อการก้าวไปข้างหน้าของนักขาย ผู้คนบนเส้นทางการขาย จะวนเวียนอยู่ในวังวนของ ยอดขาย เป้าหมายการขาย ผลตอบแทนรูปแบบต่างๆ ที่เป็นแรงจูงใจ ผมเองก็เคยอยู่ในวังวนนี้หลายปี หลายปีจนบางครั้งมีความรู้สึกว่ากลัวที่จะแวกวังวนนี้ออกไป แต่ก็โชคดีที่มีลูกค้าร้านวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดแห่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้สอนผม และนี่คือจุดเปลี่ยนทางความคิด ประโยคนั้นก็คือ การเป็นเซลล์ก็รายได้ดี แต่เป็นอาชีพที่จะตาย-เขาก็ไม่ให้ตาย จะโต-เขาก็ไม่ให้โต เฮียต้องรู้จักเป็นเจ้าของกิจการตัวเอง เพราะเวลาพลาด เวลาล้ม ก็ล้มบนพื้นฐานกิจการของตนเองที่มีฐานที่แน่นขึ้นและสูงขึ้น

นักธุรกิจ คือ ผู้ยินดีลงทุนในปัจจุบัน เพื่อสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดในอนาคต

นักธุรกิจส่วนใหญ่เริ่มต้นจากการลงทุนในกิจการที่ตนเห็นว่ามีอนาคตที่คุ้มค่า นักธุรกิจยินดีทุ่มเทเงินยอมจ่ายก่อนแล้วทยอยเก็บเกี่ยวต้นทุนคืนภายหลัง โดยคาดหวังว่าในอนาคตสิ่งที่ได้รับจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของตนเอง แน่นอนที่สุดส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นไปตามคาดหวัง มีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ได้ผลคุ้มค่าที่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเกินกว่า 10 ปี และเรื่องหนักใจอีกเรื่อง ก็คือ บางกิจการเมื่อจะตกทอดให้ลูกหลาน กลับไม่เป็นที่ยอมรับของลูกหลาน เพราะสิ่งที่รุ่นพ่อแม่อยากทำ ไม่ได้หมายความว่าลูกๆ อยากทำ แต่อย่างไรก็ตามนักธุรกิจ ก็สามารถตอบแทนตนเอง ด้วยความสามารถของตนเอง

นักธุรกิจการขาย คือ ผู้ลงทุุนสร้างรายได้จากปัจจุบัน เพื่อสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดในอนาคต

นักธุรกิจการขาย เป็นคำที่ผมใช้เรียกนักขายในเครือข่ายธุรกิจ เนื่องจากนักขายที่ก้าวสู่แวดวงธุรกิจเครือข่ายที่ดี จะได้รับการคุ้มครองสิทธิความสำเร็จทางธุรกิจให้สามารถตกทอดสิทธิประโยชน์ทางธุรกิจ ซึ่งเปรียบเสมือนการสร้างธุรกิจของตนเอง ภายใต้การสนับสนุนสินค้าและบริการตามระบบการตลาดของผู้ผลิตสินค้า การเริ่มต้นของนักธุรกิจการขาย เราสามารถเริ่มต้นจากนักขาย สู่นักธุรกิจในเวลาเดียวกัน โดยเราได้สิทธิในการขายพร้อมๆ กับสิทธิการขยายตลาด เพื่อสร้างสิทธิประโยชน์ทางธุรกิจของตนเอง

นักการตลาดเครือข่าย คือ ผู้สอนนักขาย ให้ก้าวสู่นักธุรกิจการขาย เพื่อเป็นนักการตลาดเครือข่ายที่ดี

บางคนเป็นได้เพียง นักขาย เพราะ ความคิดเขา คือ นักขาย
บางคนเป็นได้เพียง นักธุรกิจ เพราะความคิดเขา คือ นักธุรกิจ
บางคนเป็นได้เพียง นักธุรกิจการขาย เพราะความคิดเขา คือ นักธุรกิจการขาย
นักการตลาดเครือข่าย ก็คือ นักพัฒนาบุคลากรสู่ความเป็นเลิศ
หากท่านสนใจ หรือคิดก้าวสู่ ธุรกิจเครือข่าย ท่านต้องเลือกที่จะเป็นอะไรให้ชัดเจน

(ข้อมูลนำเสนอเป็นเพียงทัศนะ และความเชื่อส่วนตัวของ กอบชัย ศรบรรจง)

ด้วยรัก
กอบชัย ศรบรรจง




วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

Love Me Love My Dog: สูตรรัก นักขาย



Love Me Love My Dog: สูตรรัก นักขาย



                            นักขายที่ประสบความสำเร็จ มักมีเสน่ห์ในตัวเอง ผู้อยู่ใกล้ชิดมักรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ความน่ารัก ความน่าเชื่อถือ ตลอดจนความน่าประทับใจ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เป็นการเพาะบ่มอุปนิสัย พฤติกรรม และแนวทางการทำงานด้านการขายที่ได้ทำมาอย่างถูกทิศถูกทาง เป็นเรื่องปกติที่ผู้คนส่วนใหญ่บ่อยครั้งที่ตัดสินใจซื้อสินค้าจากนักขายบางคน และปฏิเสธนักขายบางคน ผมเองเคยประสบปัญหาลูกค้าที่เคยปฏิเสธการขายสินค้าจากนักขายรายอื่นอย่างรุนแรง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ผมต้องมีปัญหากับลูกค้ารายนั้นด้วย ผมก้าวผ่านปมขัดแย้ง และแก้ปัญหาลูกค้าเหล่านั้นได้หลายราย ด้วยแนวคิดง่ายๆว่า ถ้าลูกค้ารักผมมากพอ ปัญหาก็จะเล็กลง และหมดไปในที่สุด



                            Love Me Love My Dog: เป็นสูตรรัก นักขาย ที่สามารถใช้ได้กับทุกคน อย่างน้อยที่สุดหากลูกค้าไม่ซื้อสินค้า ลูกค้าก็ยังรักและยอมรับในสิ่งที่เราเป็น การเป็นนักขาย จะยากก็ตรงที่เราจะเคาะประตูใจของลูกค้าให้เปิดรับรักเราได้อย่างไร ความซื่อสัตย์ จริงใจ ตรงไปตรงมา เป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่แสวงหาจากนักขาย แต่นักขายเขี้ยวลากดินบางคนกลับคิดว่า ความสามารถในการพูดโน้มน้าวจูงใจเป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จนักขาย คำตอบ คือ จริงครับ แต่เป็นปัจจัยที่อาจจะได้เปรียบในการขายให้ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะได้เปรียบในการขายให้สำเร็จ เพราะการขายให้สำเร็จ เป็นเรื่องที่เราจะต้องครองใจลูกค้าให้ได้ ซึ่งผมเอง ยึดถือเอาความซื่อสัตย์ จริงใจ และตรงไปตรงมา เป็นหลักในการนำเสนอ



                            ผมเคยมีลูกค้าที่ซื้อสื่อโฆษณาจากผม ด้วยความประทับใจในคำตอบที่ว่า สื่อโฆษณาของเราคงไม่สามารถรับประกันการเพิ่มขึ้นของยอดขาย แต่เรารับประกันว่า มีผู้คนเข้าถึงสินค้าของคุณได้มากขึ้น ผมได้รับทราบจากปากลูกค้าเองว่า เขาทำสัญญาซื้อสื่อโฆษณาจากผมเพราะคำตอบนี้ และหลังจากนั้นอีกหลายๆ รายก็เป็นเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าประกันมักจะถามว่า คุณจะอยู่กับบริษัทนี้บริการผมจนถึงอายุกรมธรรม์เลยหรือ? คำตอบของผม คือ ผมอาจจะมีอายุอยู่ไม่ถึง อายุกรมธรรม์ แต่ผมรับประกันได้ว่าบริษัทอยู่ถึงแน่นอน และรัฐบาลคุ้มครองผู้บริโภค ให้ได้รับทุกผลประโยชน์ตามกรมธรรม์



                                การขาย คือ ศิลปะ ในการสร้างความประทับใจแก่ทุกคนที่เราได้มีโอกาสได้นำเสนอ หากเรามุ่งแต่จะขายให้ได้ เราจะเสียโอกาสในการสร้างความรักกับเพื่อนดีดีที่จะเพิ่มขึ้นในชีวิต เราจะเสียโอกาสในการเติมเต็มความรักในหมู่เพื่อนสนิทมิตรสหาย ดังนั้น หากเราตั้งเป้าหมายการขายทุกครั้ง โดย เราจะเติมเต็มความรักให้มากพอ เพราะทุกโอกาสของการได้นำเสนอ เป็นโอกาสทองที่จะสร้างความรัก ความไว้วางใจแก่ผู้มุ่งหวังของคุณ อย่างน้อยที่สุด หากขายไม่ได้ คุณก็ได้เพื่อนเพิ่มอีกหนึ่งคน



                                จงจำให้ขึ้นใจ ต้นทุนแห่งความรักในใจของลูกค้า คือสิ่งที่สูงค่ายิ่ง ผู้คนส่วนใหญ่ยอมจ่ายเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองรัก และมีสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะสร้างความแตกต่างของการนำเสนอการขาย นั่นก็คือ ตัวคุณเอง Love Me Love My Dog: เป็นสูตรรักนักขายที่ยังคงใช้ได้ผลเสมอ



ด้วยรัก

กอบชัย ศรบรรจง

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

พลัง แห่ง ธรรมชาติ : นักธุรกิจการขาย ทีม และเครือข่าย (The power of nature: The business network sales and team.)


พลัง แห่ง ธรรมชาติ : นักธุรกิจการขาย ทีม และเครือข่าย

(The power of nature: The business network sales and team.)


 
               ความยิ่งใหญ่ของพลังธรรมชาติ ยากแท้หยั่งถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลังธรรมชาติของมนุษย์ ด้วยความเป็นมนุษย์ที่ทรงพลังที่สุดแห่งธรรมชาติ จึงมีแนวคิดที่จะอยู่กับธรรมชาติทั้งมวลด้วยแนวคิดที่แตกต่างกัน 2 ขั้ว คือ แนวคิดตะวันตก มนุษย์ ต้องพัฒนา เพื่ออยู่เหนือธรรมชาติ และ แนวคิดตะวันออก มนุษย์ ต้องพัฒนา เพื่ออยู่ร่วมกับธรรมชาติ ในรอบ 100 ปี แห่งยุคอุตสาหกรรม และวันนี้ เราได้คำตอบแล้วว่า เมื่อไหร่ก็ตามความสมดุลแห่งธรรมชาติถูกทำลาย ธรรมชาติก็จะสร้างสมดุลใหม่ขึ้นมา แนวคิดมนุษย์ที่จะอยู่เหนือธรรมชาติเริ่มเข้าใจแล้วว่า คิดผิด เพราะ มนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เมื่อธรรมชาติปรับสมดุล มนุษย์ ผู้ทำให้เสียสมดุลย่อมได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่มนุษย์ทำได้ ก็เพียงใช้ศักยภาพของตนเองในทิศทางที่ถูกต้อง เพื่ออยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล และเอื้อประโยชน์ร่วมกันและกัน ในฐานะองค์ประกอบร่วมของธรรมชาติ พลังแห่งธรรมชาติ พลังแห่งสมดุลสภาพ


               ตลอดชีวิตของการทำงานของผมเริ่มต้น และเติบโตในแวดวงธุรกิจการขายกว่า 30 ปี ประสบการณ์ ความรู้ และกระบวนการคิดที่ตกผลึกของผมเอง สอนให้ผมรู้ว่า ธรรมชาติมีการปรับสมดุลอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ เมื่อ ความรู้ เทคโนโลยี และสังคมพร้อม การปรับสมดุลสู่ก้าวใหม่ทางธุรกิจก็จะเริ่มขึ้น ผู้ปรับสมดุลมักจะเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ๆ ในแต่ละช่วงการเปลี่ยนแปลงและปรับสมดุล Gen-X Gen-Y Gen-Z พลังแห่งธรรมชาติเหล่านี้มักอยู่ในคนหนุ่มรุ่นใหม่ๆ ที่สร้างความแตกต่าง แต่ธุรกิจและสิ่งที่มีอยู่ในภาวะปรับสมดุลนี้ จะคงอยู่หรือจากไป ขึ้นอยู่กับเราเข้าถึงธรรมชาติที่เรามีอยู่ และการปรับสมดุลอย่างเหมาะสมภายในองค์กรหรือเครือข่ายเรา


               ความตื่นตาตื่นใจกับกระแสความเปลี่ยนแปลง ความหลงใหลในก้าวกระโดดของบางคนบางเครือข่ายธุรกิจ อาจจะทำให้เราหลงทางสู่กระแสที่เราไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เราเองมิอาจจะไปเลียนแบบ หรือริอ่านสร้างธรรมชาติให้เหมือนผู้นำกระแส แต่สิ่งที่เราน่าจะทำมากกว่า คือ เข้าใจถึงธรรมชาติองค์กร จุดแข็ง ที่มี และจุดอ่อนที่ต้องตระหนัก การปรับสมดุลสู่กระแสผู้นำ เราควรจะมุ่งพัฒนาจุดแข็งที่มีอยู่ให้โดดเด่น และยอมรับจุดอ่อนที่ต้องปรับสมดุลใหม่ ความผิดพลาดที่ผมเคยพลาด คือ มัวแต่มาพัฒนาจุดอ่อน เพื่อให้ทันกับจุดแข็งของผู้นำกระแส ผลก็คือ ยิ่งทำยิ่งห่างไกล เพราะเขาพัฒนาจากจุดแข็งของเขา แต่เรามัวแต่พัฒนาจุดอ่อนของเรา ทุกองค์กรมีจุดแข็ง และจุดอ่อน แต่ที่น่ากลัวที่สุด คือผู้นำทีมที่มัวแต่พัฒนาจุดอ่อน เปรียบเสมือน เอา กะโหลกไป โขกหิน


               เริ่มต้นพัฒนาจุดแข็ง ยอมรับจุดอ่อน และเรียนรู้กระแสนำ สิ่งที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง คือ บุคลากรในองค์กร มุ่งไขความลับสู่ศักยภาพที่แฝงเร้นของบุคคลในทีม... (ต่อภาค2)



ด้วยรัก

กอบชัย ศรบรรจง